ปวดไหล่คืออะไร? ทำไมถึงเกิดอาการปวดไหล่ซ้ายและปวดไหล่ขวา?
อาการ ปวดไหล่ เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย อาจเกิดขึ้นที่ ปวดไหล่ซ้าย หรือ ปวดไหล่ขวา ขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ อาการปวดไหล่สามารถเกิดได้จาก ปัญหากล้ามเนื้อ ข้อต่อ เส้นเอ็น หรือเส้นประสาท บางกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ หรือมะเร็ง ดังนั้นการเข้าใจถึงสาเหตุของอาการปวดไหล่แต่ละข้างเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถรักษาได้อย่างเหมาะสม
ปวดไหล่ซ้าย ปวดไหล่ขวา ต่างกันอย่างไร?
อาการ ปวดไหล่ซ้าย และ ปวดไหล่ขวา อาจมีสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนี้:
ประเภท | ปวดไหล่ซ้าย | ปวดไหล่ขวา |
---|---|---|
เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อ | เอ็นอักเสบ ไหล่ติด | เอ็นอักเสบ ไหล่ติด |
เกี่ยวข้องกับหัวใจ | อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ | ไม่เกี่ยวข้องกับหัวใจ |
เกี่ยวข้องกับปอด | มะเร็งปอดด้านซ้ายอาจส่งผล | มะเร็งปอดด้านขวาอาจส่งผล |
เกี่ยวข้องกับเส้นประสาท | ปลายประสาทอักเสบจากหมอนรองกระดูกคอ | ปลายประสาทอักเสบจากหมอนรองกระดูกคอ |
หากมีอาการ ปวดไหล่ซ้าย และ ปวดร้าวไปที่แขนหรือกราม อาจเป็นสัญญาณของ โรคหัวใจ ควรพบแพทย์ทันที แต่ถ้าอาการปวดเกิดขึ้นจาก การยกของหนักหรืออักเสบของกล้ามเนื้อ มักเป็นอาการปวดไหล่ที่เกิดจาก ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ (MSD: Musculoskeletal Disorders) ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการยืดกล้ามเนื้อและกายภาพบำบัด
สาเหตุของอาการปวดไหล่
1. สาเหตุจากระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ (MSD)
อาการไหล่ติด (Frozen Shoulder) – ไหล่ขยับลำบาก รู้สึกตึงและปวด
เอ็นไหล่อักเสบ (Tendonitis) – อักเสบของเส้นเอ็นรอบหัวไหล่จากการใช้งานหนัก
กล้ามเนื้อฉีกขาด (Rotator Cuff Tear) – กล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงไหล่ฉีกขาด
ไหล่หลุดหรือเคลื่อน (Dislocated Shoulder) – ไหล่เคลื่อนออกจากเบ้า
ข้อไหล่เสื่อม (Osteoarthritis of the Shoulder) – เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้นหรือการใช้งานหนัก
2. สาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับ MSD (Red Flags)
โรคหัวใจ – อาการปวดไหล่ซ้ายอาจเป็นสัญญาณของ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
มะเร็งปอด – อาจทำให้เกิด ปวดไหล่ขวาหรือซ้าย เนื่องจากการกดทับของก้อนเนื้อ
มะเร็งกระดูก หรือมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปกระดูก – ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง
วิธีเช็คว่าปวดไหล่เกิดจากอะไร?
ถ้ามีอาการปวดร้าวไปที่แขนหรือกราม – อาจเกี่ยวข้องกับ โรคหัวใจ
ถ้าปวดตอนกลางคืน โดยไม่มีการเคลื่อนไหว – อาจเป็น มะเร็งที่กระดูกหรือปอด
ถ้ามีอาการปวดไหล่ร้าวไปที่มือ และมีอาการชาหรืออ่อนแรง – อาจเกิดจาก เส้นประสาทถูกกดทับ
ถ้าปวดเมื่อยล้า หลังการใช้งานไหล่มากเกินไป – มักเป็นปัญหาจาก กล้ามเนื้อและข้อต่อ
สัญญาณอันตรายที่ควรพบแพทย์ทันที (Red Flags)
ปวดไหล่ร่วมกับแน่นหน้าอก หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก (เสี่ยงโรคหัวใจ)
น้ำหนักลดผิดปกติ ปวดเรื้อรังตอนกลางคืน (เสี่ยงมะเร็ง)
ไหล่บวม แดง ร้อน ร่วมกับมีไข้ (เสี่ยงติดเชื้อ)
อ่อนแรงของแขน หรือมือใช้งานไม่ได้ (เสี่ยงเส้นประสาทถูกกดทับ)
วิธีแก้ไขด้วยตัวเองหากเป็นปัญหา MSD
1. ยืดกล้ามเนื้อและออกกำลังกาย
ยืดไหล่หมุนรอบ
ฝึกบริหารไหล่ด้วยยางยืด
2. ปรับท่าทางและพฤติกรรมการใช้ไหล่
ปรับเก้าอี้และโต๊ะให้เหมาะกับระดับสายตา
หลีกเลี่ยงการยกของหนักผิดท่า
3. ใช้ความร้อนหรือความเย็นช่วย
ประคบร้อนเพื่อลดความตึงของกล้ามเนื้อ
ใช้น้ำแข็งเพื่อลดอาการบวม
4. นวดไหล่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ
ใช้มือหรือเครื่องนวดเบาๆ บริเวณที่ปวด
ใช้น้ำมันนวดหรือครีมบรรเทาอาการปวด
5. ปรับอาหารให้เหมาะสม
รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมและโอเมก้า 3
ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันการอักเสบของกล้ามเนื้อ
หากปวดไหล่จากอาการคอยื่น หรือ Forward Head Posture สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้
คอยื่น หรือ Forward Head Posture (FHP) หรืออาการศีรษะยื่นไปด้านหน้ามากเกินไป เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมการนั่งทำงานนานๆ หรือการใช้สมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม อาการนี้สามารถทำให้เกิด ปวดไหล่เรื้อรัง เนื่องจากมีแรงกดทับที่เพิ่มขึ้นบริเวณคอ ไหล่ และกระดูกสันหลังส่วนบน
สาเหตุของอาการปวดไหล่จาก คอยื่น Forward Head Posture
ศีรษะที่ยื่นไปข้างหน้าสร้างแรงกดดันต่อกล้ามเนื้อไหล่และคอมากขึ้น
กล้ามเนื้อคอด้านหลังและไหล่ส่วนบนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อพยุงศีรษะ
เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อรอบไหล่ ทำให้เกิดอาการตึงและปวดไหล่เรื้อรัง
ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของข้อไหล่ลดลง และอาจนำไปสู่ภาวะไหล่ติด (Frozen Shoulder)
Program 90 ป้องกัน บรรเทา ฟื้นฟูการปวดคอ บ่า ไหล่ ด้วย AI
ใช้เทคโนโลยี AI ช่วย ตรวจความเสี่ยงวัดความคืบหน้าติดตามผลและแนะแผนบริหารร่างกาย 90 วันจัดสรรเพื่อคุณโดยเฉพาะ
3 ท่ากายบริหารเพื่อลดอาการปวดไหล่
แนะนำ 3 ท่ากายบริหารสำหรับลดอาการปวดบริเวณคอและบ่า ทำกายบริหารตามระยะเวลาที่เหมาะสม เริ่มจากค่อย ๆ ปรับระยะเวลาค้างท่าและเพิ่มจำนวนรอบต่อวัน โดยยึดหลัก “ค่อย ๆ ทำ ทำเท่าที่ไหว อย่างฝืนร่างกายจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บ” และในบางท่าควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีข้อจำกัดของร่างกายในส่วนของภาวะกระดูกทับเส้นประสาท
1. ท่ายืดกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่
- เอียงคอไปทางด้านซ้ายจนสุด
- ยืดค้างไว้ 10 – 15 วินาที
- ค่อยๆคลายกลับมา ในท่าเตรียม
- เอี่ยงคอไปทางด้านขวาจนสุด
- ยืดค้างไว้ 10 – 15 วินาที
- ค่อยๆคลายกลับมา ในท่าเตรียม
2. ยืดกล้ามเนื้อหน้าอก
- ประสานมือไว้ด้านหลัง ค่อยๆยกแขนขึ้นโดยไม่งอศอก
- ยืดค้างไว้ 10 – 15 วินาที
- ค่อยๆคลายกลับมาในท่าเตรียม
ท่ากายบริหาร ตอบโจทย์ทุก Lifestyle พร้อมติดตามผลด้วย AI
เริ่มทำท่ากายบริหารที่ออกแบบโดยผู้เชี่ยวและโค้ชสอนการยืดกล้ามเนื้อที่ได้รับการรับรอง ได้แล้ววันนี้ที่ NECKFIT APP
ทำไมวิดีโอการยืดกล้ามเนื้อถึงไม่เพียงพอ?
การดูและทำตามเพียงครั้งเดียวจะไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงความยืดหยุ่นของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ เราต้องการวิธีการที่ผสานเข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น เช่น การยืดกล้ามเนื้อที่เหมาะสำหรับการทำงานที่โต๊ะ การออกกำลังกายที่สามารถทำได้บนเครื่องบิน หรือการยืดกล้ามเนื้อเพื่อผ่อนคลายก่อนนอน
ทำไม NeckFit ถึงเป็นคำตอบ
NeckFit ช่วยให้คุณใช้ไลฟ์สไตล์ของคุณเพื่อปรับปรุงความยืดหยุ่นและความคล่องตัวของร่างกาย แอนิเมชันของเรามาพร้อมกับคำแนะนำเสียงที่ชัดเจนและได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของคุณในหลากหลายด้าน
แหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และงานวิจัย
Mayo Clinic. (2023). Shoulder pain: Causes and treatment.
American Academy of Orthopaedic Surgeons. (2022). Rotator cuff injuries and shoulder pain.
National Institute of Arthritis and Musculoskeletal and Skin Diseases. (2023). Frozen shoulder: Symptoms and diagnosis.
Harvard Health Publishing. (2023). Shoulder pain and heart disease: What you need to know.
สรุป
อาการ ปวดไหล่ อาจเกิดจาก ปัญหากล้ามเนื้อ หรือ สัญญาณของโรคร้ายแรง หากมีอาการที่เข้าข่าย Red Flags ควรพบแพทย์ทันที แต่ถ้าเป็นปัญหาจากระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ สามารถแก้ไขได้ด้วยการยืดกล้ามเนื้อ ปรับพฤติกรรม และใช้แอป Ertigo เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพไหล่ในระยะยาว